WooCommerce ราคา และค่าใช้จ่าย อัพเดทปี 2023

เมื่อคุณสนใจสร้างร้านค้าออนไลน์ด้วย WooCommerce ความเข้าใจเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเรื่องสำคัญ การสร้างและดำเนินร้านค้าออนไลน์ด้วย WooCommerce มีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนี้

1 ชื่อเว็บไซต์ (Domain name)

ชื่อโดเมน: คือที่อยู่เว็บของร้านคุณ (เช่น www.yourstore.com) ราคาแตกต่างกันตาม นามสกุลของแต่ละโดเมนเนม .com , .net โดเมนที่มีความนิยม จะมีราคาเริ่มต้น 420 บาท
คุณสามารถตรวจสอบ ราคาได้ที่ Google domain name

* เราแนะนำให้คุณใช้ google domain name และจดเองเพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ หากให้ผู้อื่นจด หากคุณไม่สามารถติดต่อเขาได้ก็จะเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา
** Google domain name สามารถ invite programer ให้มาจัดการโดเมนเนมได้อีกด้วย

.co.th / or.th / .ac.th มีราคาประมาณ 800 และต้องมีเอกสารในการจดทะเบียน และจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า dot อื่นๆ

2 โฮสติ้ง: ที่เก็บเว็บไซต์ (Web hosting / Web server)

แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
2.1) Shared host โดยปกติแล้ว จะราคาตั้งแต่ 100 กว่าบาท จนถึงหลักพัน host แบบนี้เปรียบเสมือนเราอยู่ใน Condo ทรัพยากร ทุกอย่างจะใช้ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น CPU หรือ RAM เพราะฉะนั้นหากเว็บอื่น ๆ ใน host นี้ ย่อมส่งผลต่อ web ของคุณ อาจมีความเร็วในการโหลด ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่เสถียรมาก

2.2) VPS host เปรียบเสมือนบ้านเดียว CPU / RAM เป็นของเว็บคุณ 100% package ที่ใช้ ควร มี CPU มากกว่า 1 และ RAM มากกว่า 2 ถ้าคุณใช้ VPS ที่ต่ำกว่านี้ การเลือก shared host อาจจะดีกว่า ค่า host ต่อเดือน อาจเริ่มที่ 1,200 บาทขึ้นไป

3 Theme หรือ design เว็บไซต์ของคุณ

Theme มี 3 รูปแบบคือ
3.1 ฟรี download ดูรายละเอียดได้ที่ WordPress theme

3.2 Premium สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ Themeforest ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 13 เหรียญ ขึ้นไป

ทั้ง 3.1 และ 3.2 จะต้องมีค่า customise ต่าง ๆ เพื่อปรับและนำข้อมูลเข้าให้เหมาะสมตามตามแต่ละร้านค้าออนไลน์ ราคาขึ้นกับความยากง่ายและมาตรฐานประสบการณ์ความรู้ของแต่ละบริษัท เริ่มตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป

3.3 Customise ขึ้นมาเอง ราคาก็ขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาแต่ละเจ้า อาจมีราคาตั้งแต่หลักพันจนถึงแสนปลาย ตามแต่ scope ของงานที่ร้านค้าต้องการแต่ละร้านค้าด้วย

4 การออกแบบและการปรับแต่งตามแต่ละร้านค้า

ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป็นส่วนหลักส่วนหนึ่ง ในการทำร้านค้าออนไลน์ เพราะต้องอาศัยความรู้หลายด้าน ทั้ง

  • UX ทำยังไงให้ลูกค้าซื้อได้ง่ายที่สุด
  • UI design ให้ร้านค้าสวยเหมาะกับแบรนด์ของคุณ
  • Frontend programming (HTML, CSS , JS) + Editor tool การใช้ระบบหลังบ้าน ทำให้ร้านค้าสวยเหมาะกับแบรนด์ของคุณ

ราคาอาจจะอยู่ที่ 5000 + ขึ้นไปตามแต่ละความต้องการของร้านค้า

5 ปลั๊กอิน WordPress / Woocommerce plugin

เป็นส่วนที่เพิ่มความสามารถให้กับเว็บไซต์ Woocommerce ปลั๊กอินที่โดยทั่ว ๆ ไปแล้วต้องใช้เพิ่มมีหลายประเภท

แบ่งออกเป็นประเภท

5.1) Payment gateway มี 2 รูปแบบคือ

5.1.1) payment gateway มีทั่งตัวที่แจกฟรี เช่น paypal , stripe แต่ก็จะมีค่าธรรมเนียมที่สูง
5.1.2) payment gateway ของธนาคาร จะมีค่าธรรมเนียมที่ดีกว่า แต่อาศัยเวลาในการลงทะเบียนกับธนาคารและติดตั้ง plugin เพิ่มเติม รายละเอียด ชำระเงิน payment gateway สำหรับธนาคารในประเทศ ของ บูสเพรส

5.2) Plugin คำนวนค่าขนส่ง
5.3) Plugin ด้านการตลาด
5.4) Plugin ด้านการแสดงผล และค้นหา
5.5) Plugin SEO สำหรับ Woocommerce

และอื่น ๆ อีกมากมายคับ สามารถลองเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://wordpress.org/plugins/

6 Web Firewall (optional)

Security เป็นส่วนที่สำคัญในปัจจุบัน หากเว็บคุณโดนโจมตีจากผู้ไม่หวังดีอย่างหนัก อาจจำเป็นต้องติด ราคา Cloudflare ซึ่งใน package ปกติแล้วฟรี แต่หากต้องการสร้าง rule สำหรับ block การโจมตีอาจจำเป็นต้อง อัพเกรดไปใช้ package ที่สูงขึ้น

7. Email service (optional)

สำหรับเว็บ E-commmerce การส่งอีเมลแจ้งเตือนต่าง ๆ เป็นสิ่งที่มีความจำเป็น การใช้ระบบอีเมลที่ติดมากับ hosting นั้นก็พอใช้ได้ แต่หากต้องการไม่ให้อีเมลเข้า spam จำเป็นต้องใช้ email provider อย่าง sendgrid / mailgun / sendinblue ราคาดีสุด ราคา Sendinblue

Scroll to top
@ipeak
@ipeak.website
ติดต่อสอบถาม